11.11 ที่นานที่สุดในประวัติศาสตร์ได้เริ่มขึ้นแล้ว: หุ้นตัวไหนที่น่าจับตามอง? 

2024-11-07

เทศกาลช้อปปิ้ง 11.11 ในปี 2567 เริ่มเร็วขึ้นกว่าที่เคย! 

Douyin ได้เริ่มโปรโมชั่น 11.11 ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม ตามมาด้วย JD และ Tmall ที่ได้เริ่มในวันที่ 14 ตุลาคม ซึ่งเร็วกว่าปีที่แล้วถึงสิบวัน ระยะเวลาที่ขยายเพิ่มขึ้นนี้ทำให้ 11.11 ปี 2567 กลายเป็นเทศกาลช้อปปิ้งที่ยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมา 

นอกเหนือจากการขยายระยะเวลาแล้ว แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยังหันมาเน้นช่วยลดภาระให้กับผู้ค้า แทนที่จะเน้นการลดราคาจนเกิด “สงครามราคา” อย่างที่เคยเป็น ในส่วนของข้อมูลยอดขายรอบแรกของเทศกาล 11.11 ได้เผยออกมา ทำให้หุ้นที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลนี้เริ่มได้รับความสนใจในตลาด 

ในโอกาสครบรอบ 16 ปีของเทศกาลช้อปปิ้ง 11.11 ฟีเจอร์และแนวโน้มใหม่ ๆ กำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับงานในปีนี้ หุ้นตัวไหนบ้างที่มีโอกาสได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการพัฒนานี้? และนักลงทุนจะสามารถวางแผนให้ได้รับผลตอบแทนสูงสุดจากกระแสของเทศกาลนี้ได้อย่างไร? มาร่วมศึกษาไปพร้อมกัน 

การไร้ซึ่งสงครามราคา: มีอะไรใหม่สำหรับ 11.11 ในปีนี้? 

  1. แพลตฟอร์มต่างๆขยายช่องทางการใช้งาน 

การเปลี่ยนแปลงสำคัญปีนี้คือแพลตฟอร์มต่าง ๆ ร่วมมือกันเพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการชำระเงินมากขึ้นกว่าเดิม Wu Jia รองประธานของ Alibaba และหัวหน้าฝ่าย Taotian User Platform และ Alimama คาดการณ์ว่าจะมีผู้เข้าร่วมเทศกาล 11.11 ปีนี้เป็นจำนวนสูงสุด 

เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา Taobao และ WeChat ได้ประกาศ “เปิดช่องทางใหม่” ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้ใหม่ของ Taobao เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขณะเดียวกัน JD ก็เริ่มรับชำระเงินผ่าน Alipay ทันเวลาสำหรับเทศกาลนี้ 

  1. ขยายระยะเวลาโปรโมชันให้นานขึ้นเพื่อการช้อปปิ้งล่วงหน้า 

อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือการเพิ่มระยะเวลาโปรโมชันให้ยาวนานขึ้น โดยแพลตฟอร์มอย่าง Pinduoduo และ Douyin ได้ขยายดีล 11.11 ให้ครอบคลุมมากกว่าหนึ่งเดือน นอกจากนี้ Taobao และ JD ยังเริ่มการขายล่วงหน้าประมาณสิบวันก่อนหน้าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทำให้ 11.11 ปีนี้เป็นช่วงเวลาจัดงานที่ยาวนานที่สุด 

ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมองว่าการขยายเวลานี้ช่วยให้ผู้ซื้อมีอิสระในการเลือกชมและซื้อสินค้าได้มากขึ้น แต่ยังต้องรอดูว่าจะส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นหรือไม่ 

  1. การสนับสนุนใหม่สำหรับการเทิร์นเครื่องใช้ไฟฟ้า 

ปีนี้ 11.11 ได้เพิ่มเงินสนับสนุนสำหรับการแลกเปลี่ยนเครื่องใช้ไฟฟ้า ร่วมกับส่วนลดจากแพลตฟอร์ม เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายให้มากขึ้น 

ตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ความต้องการในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเพิ่มสูงขึ้น และแตะจุดสูงสุดเมื่อเริ่มต้น 11.11 ในชั่วโมงแรกของการขายบน Tmall แบรนด์อย่าง Haier, Midea และ Dyson มียอดขายเกิน 100 ล้านหยวน และมีแบรนด์รวม 224 แบรนด์ที่มียอดขายในวันแรกสูงกว่าปีก่อนหน้าในชั่วโมงแรก 

หุ้นอีคอมเมิร์ซตัวไหนมีโอกาสครองตลาด? 

เมื่อ 11.11 เริ่มคึกคัก ข้อมูลยอดขายรอบแรกได้เผยให้เห็นแบรนด์ที่ทำผลงานได้โดดเด่น: 

แม้ว่าเทศกาล 11.11 จะยังไม่เริ่มอย่างเป็นทางการ แต่นักลงทุนรายใหญ่ก็ได้เข้าซื้อหุ้นของ Alibaba และ Pinduoduo แล้ว นอกจากนี้ ยังมีความคาดหวังในเชิงบวกต่อผลประกอบการของ JD.com และ Kuaishou 

  • Alibaba (BABA/09988) 

ตามรายงานไตรมาสล่าสุด Zhang Kun จาก E Fund ได้เพิ่มการลงทุนในภาคการบริโภค โดยกองทุน E Fund Blue Chip Fund ที่ Zhang บริหารจัดการเป็นผลิตภัณฑ์ชั้นนำที่มีสินทรัพย์รวม 44 พันล้านหยวน เป็นครั้งแรกที่ Alibaba ติด 10 อันดับแรกของการถือครองของกองทุน โดยขึ้นเป็นการถือครองใหญ่อันดับสอง แทนที่ CNOOC 

ตั้งแต่เดือนกันยายน Alibaba ได้รับการรวมเข้าในโปรแกรม Stock Connect อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นไปได้ว่า Zhang ได้เพิ่มการถือครองในหุ้นนี้ในช่วงกลางถึงปลายเดือนกันยายนผ่านกองทุน QDII 

  • Pinduoduo (PDD) 

ในรายงานที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม BlackRock เปิดเผยว่าได้เพิ่มการถือครองหุ้นฝากของ Pinduoduo (ADR) เป็น 33.01 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 2.4% ของหุ้นฝากทั้งหมดของ Pinduoduo 

  • JD.com (JD/09618) 

ด้วยมาตรการสนับสนุนการแลกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ในช่วงเทศกาล 11.11 Guosheng Securities เชื่อว่า JD.com จะได้รับประโยชน์มากที่สุด เนื่องจากยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าคิดเป็นส่วนสำคัญของรายได้ของบริษัท โดยประเมินมูลค่าของ JD ไว้ที่ 520.5 พันล้านหยวน อ้างอิงจากอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) ที่คาดการณ์ในปี 2025 ที่ 11 เท่า พร้อมกำหนดราคาเป้าหมายสำหรับหุ้นสหรัฐฯ ไว้ที่ 46 ดอลลาร์สหรัฐฯ และ 181 ดอลลาร์ฮ่องกงสำหรับหุ้นในตลาดฮ่องกง พร้อมให้คำแนะนำ “Overweight” 

  • Kuaishou (01024) 

ในช่วงการแข่งขันอีคอมเมิร์ซนี้ Kuaishou ได้รับความสนใจเช่นกัน โดยก่อนหน้านี้ BOCI คาดการณ์ว่ารายได้ของ Kuaishou จะเติบโตจากรายได้โฆษณาออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นและยอดขายสินค้า (GMV) ในอีคอมเมิร์ซ ในช่วงกลางเดือนตุลาคม UBS ได้เพิ่ม Kuaishou-W เข้าในรายชื่อหุ้นที่แนะนำ โดยตั้งราคาเป้าหมายใน 12 เดือนที่ 76.70 ดอลลาร์ฮ่องกง ซึ่งแสดงถึงศักยภาพในการเพิ่มขึ้นมากกว่า 60% 

หุ้นแนวคิดอื่น ๆ ที่น่าจับตาในช่วงเทศกาล 11.11 

  1. หุ้นกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า 

ปีนี้นับเป็นครั้งแรกที่เทศกาล 11.11 ได้รวมการสนับสนุนการแลกเปลี่ยนเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่ากับส่วนลดจากแพลตฟอร์มออนไลน์ ทำให้ภาคเครื่องใช้ไฟฟ้าได้รับความสนใจมากขึ้น 

รายงานจาก CITIC Securities ระบุว่า การสนับสนุนการแลกเปลี่ยนเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าในเดือนสิงหาคมและกันยายนที่ผ่านมาเกินความคาดหมาย ส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ โดยจากการขยายมาตรการทั่วประเทศและการลดข้อกำหนดในการรับสิทธิ์ตั้งแต่เดือนกันยายน อาจทำให้ยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในไตรมาสที่สี่ 

  1. หุ้นกลุ่มโลจิสติกส์ 

ยอดขายมหาศาลในช่วงเทศกาล 11.11 ส่งผลให้เกิดฤดูกาลสูงสุดสำหรับธุรกิจโลจิสติกส์ โดย Taobao และ Tmall เริ่มรอบแรกของการขายในวันที่ 21 ตุลาคม ทำให้ปริมาณงานโลจิสติกส์เพิ่มขึ้นอย่างมาก เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม มีการเก็บรวบรวมพัสดุทั่วประเทศถึง 729 ล้านชิ้นในวันเดียว เพิ่มขึ้น 74% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าปริมาณพัสดุในช่วง 11.11 ปีนี้อาจสูงกว่าปีที่ผ่านมา 

  1. หุ้นกลุ่มของเล่นที่กำลังมาแรง 

ในขณะที่ความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป ความต้องการสินค้าที่ไม่จำเป็น เช่น กล่องสุ่ม (blind boxes) กำลังเพิ่มขึ้น Pop Mart ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะ “หุ้นของเล่นเทรนด์ใหม่ชั้นนำ” ได้เปิดตัวโปรโมชั่น 11.11 บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Tmall และ Douyin ดึงดูดความสนใจจากตลาดอย่างมาก 

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ที่น่าประทับใจของ Pop Mart ทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเกือบ 20% ในวันที่ 23 ตุลาคม โดยมูลค่าตลาดชั่วคราวเกิน 100 พันล้านหยวน ตลาดมีความคาดหวังสูงต่อผลประกอบการไตรมาส 4 ของ Pop Mart โดยความต้องการ IP ยอดนิยม เช่น Labubu ช่วยกระตุ้นยอดขายในช่วง 11.11 

Tianfeng Securities และ Essence International เชื่อว่าเทศกาล 11.11 และกิจกรรมการขายสำคัญอื่น ๆ ในครึ่งปีหลังจะช่วยยกระดับผลประกอบการในอนาคตของ Pop Mart เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Morgan Stanley ได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายของ Pop Mart จาก 69 ดอลลาร์ฮ่องกงเป็น 81 ดอลลาร์ฮ่องกง ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มครั้งที่หกในปีนี้ 

มหกรรมช้อปปิ้ง 11.11 ใครจะเป็นจ้าวแห่งยอดขาย 

ด้วยการขยายช่วงเวลาของมหกรรม 11.11 ในปีนี้ กลยุทธ์ลดราคาที่เคยเป็นจุดขายหลักอาจไม่ใช่ไฮไลต์สำคัญอีกต่อไป ในขณะที่การแลกเปลี่ยนเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่ากลายเป็นสีสันใหม่ ปีที่ 16 ของเทศกาล 11.11 ยังคงเติมเต็มความเร้าใจและเปิดกระแสใหม่ ๆ ให้กับวงการ 

การแข่งขันรอบแรกจบไปแล้ว แต่ยังมีการแข่งขันสำคัญรออยู่ ใครจะเป็นผู้ครองตำแหน่งแชมป์ และหุ้นใดจะก้าวขึ้นเป็นดาวเด่นของตลาด? ติดตามอย่างใกล้ชิด! 

11.11 กำลังทวีความดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเกาะติดเทรนด์ตลาดหรือปรับพอร์ตให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง Doo Prime มี CFD หลากหลายรายการให้เลือกสรร รวมถึงหุ้นยอดนิยมของสหรัฐฯ และฮ่องกง อย่าง Alibaba ด้วยสภาพแวดล้อมการเทรดที่เสถียรและมีประสิทธิภาพของ Doo Prime นักลงทุนสามารถค้นหาโอกาสที่ตอบโจทย์กลยุทธ์ของตนเองได้ 

ติดตาม Doo Prime เพื่ออัปเดตเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดล่าสุดและคว้าโอกาสในการเทรด! 

การเคลื่อนไหวของตลาดIconBrandElement

article-thumbnail

2024-11-28 | การเคลื่อนไหวของตลาด

แบล็กฟรายเดย์ vs. ไซเบอร์มันเดย์ : วันไหนส่งผลต่อตลาดมากกว่ากัน? 

แบล็กฟรายเดย์ vs. ไซเบอร์มันเดย์ : วันไหนส่งผลต่อตลาดมากกว่ากัน? ทุกปี นักช้อปต่างรอคอยแบล็กฟรายเดย์และไซเบอร์มันเดย์อย่างใจจดใจจ่อ เพื่อคว้าข้อเสนอสุดพิเศษ ในขณะที่นักลงทุนก็มองเหตุการณ์เหล่านี้อย่างใกล้ชิดเช่นกัน แต่ด้วยมุมมองที่ต่างออกไป เพราะสองมหกรรมลดราคานี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเติมสินค้าลงตะกร้าเท่านั้น แต่ยังให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคและแนวโน้มของตลาดอีกด้วย แต่คำถามสำคัญคือ: ระหว่างแบล็กฟรายเดย์และไซเบอร์มันเดย์ วันไหนส่งผลต่อตลาดหุ้นมากกว่ากัน?  ในบทความนี้ เราจะวิเคราะห์ว่าสองวันนี้เปรียบเทียบกันอย่างไร ทำไมนักลงทุนถึงให้ความสำคัญ และหุ้นตัวไหนที่ควรอยู่ในลิสต์ที่คุณต้องจับตามอง  ศึกประชัน แบล็กฟรายเดย์ ปะทะ ไซเบอร์มันเดย์  จากข้อมูลของสหพันธ์การค้าปลีกแห่งชาติ (NRF) ในปี 2566 มีผู้บริโภคถึง 200.4 ล้านคนที่ออกมาช้อปปิ้งในช่วงวันหยุด 5 วัน ตั้งแต่วันขอบคุณพระเจ้าจนถึงไซเบอร์มันเดย์ ซึ่งทำลายสถิติปี 2565 ที่มีจำนวน 196.7 ล้านคน  แบล็กฟรายเดย์ ถือเป็นการเปิดฤดูกาลช้อปปิ้งช่วงวันหยุด ที่มักเกี่ยวข้องกับการลดราคาที่หน้าร้าน แม้ว่าการช้อปปิ้งออนไลน์จะเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน โดยทั่วไป แบล็กฟรายเดย์ถูกใช้เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของร้านค้าปลีกแบบออฟไลน์ เช่น Walmart (NYSE: WMT) และ Target (NYSE: TGT) ที่แข่งขันกันด้วยโปรโมชั่นดึงดูดลูกค้า  ไซเบอร์มันเดย์ เป็นคู่แข่งในฝั่งออนไลน์ มุ่งเน้นการช้อปปิ้งผ่านอีคอมเมิร์ซ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย […]

article-thumbnail

2024-11-22 | การเคลื่อนไหวของตลาด

การกลับมาครั้งยิ่งใหญ่ของ Netflix ปี 2567

แม้ว่าฟองสบู่ของอุตสาหกรรมสตรีมมิ่งจะค่อยๆ หดตัวลง แต่ Netflix ยังคงยืนหยัดในฐานะผู้นำตลาดด้วยรายงานรายได้ที่น่าประทับใจในไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกลับมาครั้งยิ่งใหญ่ของ Netflix การแข่งขันที่ผู้คนรอคอยระหว่าง ไมค์ ไทสัน และ เจค พอล ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลก ด้วยจำนวนผู้ชมถ่ายทอดสดที่น่าทึ่งถึง 65 ล้านคน เหตุการณ์นี้ยังถือเป็นการก้าวเข้าสู่การถ่ายทอดสดกีฬาครั้งสำคัญของ Netflix ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่กล้าหาญในตลาดที่มีการแข่งขันสูงแต่เต็มไปด้วยโอกาส อย่างไรก็ตาม คำถามคือ กลยุทธ์นี้จะเพียงพอหรือไม่ที่จะช่วยให้ Netflix ปิดท้ายปี 2567 ได้อย่างแข็งแกร่ง?  ในบทความนี้ เราจะพาไปเจาะลึกถึงปัจจัยที่ผลักดันให้ Netflix ประสบความสำเร็จในปัจจุบัน และสำรวจแนวโน้มการเติบโตของบริษัทในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี  ไมค์ ไทสัน vs เจค พอล: กลยุทธ์อันกล้าหาญของ Netflix  ในปี 2567 Netflix ได้ทำการเคลื่อนไหวสำคัญด้วยการสตรีมการแข่งขันที่ได้รับความสนใจอย่างมากระหว่างไมค์ ไทสัน และ เจค พอล นี่ไม่ใช่เพียงแค่อีเวนต์กีฬาทั่วไป แต่เป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานของ Netflix […]

article-thumbnail

2024-11-15 | การเคลื่อนไหวของตลาด

สิ่งที่นักลงทุนควรรู้เกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งสมัยที่สองของทรัมป์ 

โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง โดยได้คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง 312 เสียง ขณะที่กมลา แฮร์ริสได้ 226 เสียง ในการดำรงตำแหน่งสมัยใหม่นี้ นโยบายของทรัมป์คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลกในหลากหลายด้าน นักลงทุนควรติดตามท่าทีของเขาเกี่ยวกับภาษีศุลกากร การปฏิรูประบบภาษี ความสัมพันธ์กับจีน และทัศนคติเชิงบวกต่อสกุลเงินคริปโต บทความนี้จะกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่อาจเกิดขึ้นและนโยบายหลักที่อาจส่งผลต่อนักลงทุนในปีต่อๆ ไป  1. นโยบายภาษีศุลกากรและการค้า: ราคาสินค้าที่สูงขึ้นและการเติบโตของการจ้างงานที่ช้าลง  หนึ่งในนโยบายหลักของทรัมป์คือการใช้ภาษีศุลกากรเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศและลดความไม่สมดุลทางการค้า โดยเฉพาะกับจีน นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ระบุว่า หากนโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์ถูกนำมาใช้เต็มรูปแบบ สหรัฐฯ อาจเผชิญกับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออัตราเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจ แผนภาษีศุลกากรของทรัมป์ประกอบด้วยการเก็บภาษี 10% สำหรับการนำเข้าจากทั่วโลก และเพิ่มขึ้นถึง 60% สำหรับการนำเข้าจากจีน มาตรการเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อประมาณครึ่งหนึ่งของอุตสาหกรรมในสหรัฐฯ ทำให้ต้นทุนสำหรับธุรกิจและผู้บริโภคเพิ่มขึ้น  นักเศรษฐศาสตร์จากมอร์แกน สแตนลีย์ประเมินว่าผลกระทบจากภาษีศุลกากรเหล่านี้อาจมีความสำคัญอย่างมาก:  2. นโยบายภาษี: ขยายการลดภาษีและข้อเสนอใหม่  ทรัมป์ได้เสนอการลดภาษีหลายรายการ ซึ่งบางส่วนเป็นข้อเสนอใหญ่ที่ต้องผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียคาดว่าแผนภาษีและงบประมาณของทรัมป์อาจทำให้การขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางเพิ่มขึ้นถึง 4.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในระยะยาว  ประเด็นสำคัญในวาระนโยบายภาษีของทรัมป์ประกอบด้วย:  สำหรับนักลงทุน ข้อเสนอด้านภาษีของทรัมป์อาจหมายถึงผลกำไรของบริษัทที่สูงขึ้นและการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่อาจเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลกระทบในระยะยาวต่อการขาดดุลของรัฐบาลกลางอาจนำไปสู่อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมทั่วทั้งระบบเศรษฐกิจ  3. […]