การกลับมาครั้งยิ่งใหญ่ของ Netflix ปี 2567

2024-11-22 | Netflix

แม้ว่าฟองสบู่ของอุตสาหกรรมสตรีมมิ่งจะค่อยๆ หดตัวลง แต่ Netflix ยังคงยืนหยัดในฐานะผู้นำตลาดด้วยรายงานรายได้ที่น่าประทับใจในไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกลับมาครั้งยิ่งใหญ่ของ Netflix การแข่งขันที่ผู้คนรอคอยระหว่าง ไมค์ ไทสัน และ เจค พอล ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลก ด้วยจำนวนผู้ชมถ่ายทอดสดที่น่าทึ่งถึง 65 ล้านคน เหตุการณ์นี้ยังถือเป็นการก้าวเข้าสู่การถ่ายทอดสดกีฬาครั้งสำคัญของ Netflix ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่กล้าหาญในตลาดที่มีการแข่งขันสูงแต่เต็มไปด้วยโอกาส อย่างไรก็ตาม คำถามคือ กลยุทธ์นี้จะเพียงพอหรือไม่ที่จะช่วยให้ Netflix ปิดท้ายปี 2567 ได้อย่างแข็งแกร่ง? 

ในบทความนี้ เราจะพาไปเจาะลึกถึงปัจจัยที่ผลักดันให้ Netflix ประสบความสำเร็จในปัจจุบัน และสำรวจแนวโน้มการเติบโตของบริษัทในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 

ไมค์ ไทสัน vs เจค พอล: กลยุทธ์อันกล้าหาญของ Netflix 

ในปี 2567 Netflix ได้ทำการเคลื่อนไหวสำคัญด้วยการสตรีมการแข่งขันที่ได้รับความสนใจอย่างมากระหว่างไมค์ ไทสัน และ เจค พอล นี่ไม่ใช่เพียงแค่อีเวนต์กีฬาทั่วไป แต่เป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานของ Netflix ในการขยายเข้าสู่การถ่ายทอดสดกีฬา ซึ่งเป็นตลาดที่เต็มไปด้วยโอกาสอันมหาศาลและการแข่งขันที่ดุเดือด 

ทำไมถึงเป็น ไมค์ ไทสัน vs เจค พอล 

แม้ว่า Netflix จะไม่ได้เป็นแพลตฟอร์มแรกที่ถ่ายทอดสดกีฬา แต่การตัดสินใจจัดงานนี้โดยเฉพาะถือเป็นความกล้าที่ไม่อาจปฏิเสธได้ 

ศักยภาพในการดึงดูดมหาศาล: แนวคิดที่ตำนานมวยอย่างไมค์ ไทสัน จะกลับขึ้นสังเวียนอีกครั้งในวัยเกือบ 60 ปี สร้างความตื่นเต้นให้แฟนๆ หลายล้านคนที่รอคอยการกลับมาของเขาหลังจากห่างหายไปเกือบสองทศวรรษ 

ความขัดแย้งเป็นตัวดึงดูด: เจค พอล เซเลบจากโซเชียลมีเดียที่รู้จักกันดีในภาพลักษณ์ที่แตกต่างและเป็นที่ถกเถียง เพิ่มความน่าสนใจให้กับการต่อสู้ครั้งนี้ แม้ว่าบางคนจะมองว่าการชกนี้เป็นแค่การแสดงเพื่อหากำไร แต่ความฮือฮาที่เกิดขึ้นนำไปสู่การพูดถึงอย่างมากก่อนวันจัดการแข่งขัน 

เพราะเหตุใดจึงค่อนข้างเสี่ยง? 

การขึ้นชกที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “แมตช์ที่ต้องดู” กลับไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังได้อย่างเต็มที่ 

  • ปัญหาของงาน: แฟน ๆ ต้องเผชิญกับความล่าช้าในการสตรีม คุณภาพวิดีโอที่ต่ำ และเสียงที่มีปัญหาตลอดทั้งคืน ซึ่งทำให้ชื่อเสียงของงานเสื่อมเสีย 
  • เสียงวิพากษ์จากผู้ชม: ผู้ชมจำนวนมากแสดงความไม่พอใจผ่านแพลตฟอร์ม X (เดิมชื่อ Twitter) โดยมีโพสต์หนึ่งที่ได้รับความสนใจมากกว่า 27,000 ไลก์ ระบุว่า “ถ้า Netflix ไม่แก้ปัญหานี้ มันอาจจะกลายเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การสตรีม” 

แม้จะได้รับเสียงวิจารณ์ การเคลื่อนไหวที่กล้าหาญนี้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของ Netflix ที่จะท้าทายผู้เล่นรายใหญ่ เช่น Amazon (NFL กับ Thursday Night Football) และ Disney+ (ESPN) นอกจากนี้ยังถือเป็นก้าวสำคัญในกลยุทธ์ด้านคอนเทนต์ที่กว้างขึ้นของ Netflix อีกด้วย 

ย้อนกลับไปดูผลการดำเนินงานของ Netflix ในไตรมาสที่ 3 

ตั้งแต่ต้นปี Netflix ได้เพิ่มบัญชีผู้ใช้งานแบบชำระเงินจำนวน 13 ล้านบัญชี ส่งผลให้มีจำนวนสมาชิกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 282.7 ล้านบัญชีภายในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 

ประเด็นสำคัญจากรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ได้แก่: 

  • รายได้: 9.83 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 9.77 พันล้านดอลลาร์ 
  • กำไรต่อหุ้น (EPS): 5.40 ดอลลาร์ สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 5.12 ดอลลาร์ 
  • กำไรสุทธิ: 2.36 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 1.68 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 
  • แผนบริการแบบมีโฆษณา: จำนวนสมาชิกในแผนเหล่านี้เติบโตขึ้น 35% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า 

ไตรมาสที่ 4 จะสามารถสร้างผลลัพธ์ที่คล้ายกันได้หรือไม่? ดูเหมือนจะมีแนวโน้มที่ดี 

Netflix 2567: แนวโน้มการเติบโตในไตรมาสที่ 4 

ตลาด Subscription Video on Demand (SVoD) ทั่วโลกกำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยคาดการณ์ว่าจะมีรายได้ถึง 108.50 พันล้านดอลลาร์ในปี 2567 ตัวเลขนี้สะท้อนถึงศักยภาพที่แข็งแกร่งของภาคส่วนนี้ เนื่องจากผู้บริโภคจำนวนมากหันมาใช้บริการสตรีมมิ่งมากขึ้นแทนวิธีการบันเทิงแบบดั้งเดิม 

อัตราการเติบโตต่อปีรวม (CAGR): ตลาดคาดว่าจะเติบโตในอัตรา 8.27% ต่อปีจากปี 2567 ถึง 2570 โดยจะมีมูลค่าถึง 137.70 พันล้านดอลลาร์ในปี 2570 

การขยายฐานผู้ใช้: ภายในปี 2570 ตลาด SVoD ทั่วโลกคาดว่าจะมีผู้ใช้ถึง 1.6 พันล้านคน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการนำไปใช้ที่แพร่หลายและความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับบริการสตรีมมิ่งวิดีโอ 

ตัวเลขเหล่านี้เน้นย้ำถึงความสำคัญและโอกาสในการเติบโตที่ยั่งยืนสำหรับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเช่น Netflix 

การกลับมาอีกครั้งที่ไม่มีใครคาดคิด 

ทั้งหมดเป็นเรื่องของกลยุทธ์! การขยายตัวของ Netflix สู่แผนที่รองรับโฆษณาได้รับความสำเร็จอย่างมาก 

  • การเติบโตของจำนวนสมาชิกโฆษณา: จำนวนสมาชิกสำหรับแผนบริการที่รองรับโฆษณาเพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส 
  • การคาดการณ์ในอนาคต: Netflix คาดว่า รายได้จากโฆษณาจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในปี 2025 และได้ทำการจองช่องโฆษณาสำหรับเกม NFL สองเกมในช่วงคริสต์มาสนี้แล้ว 

ที่น่าสนใจคือ บัญชีที่รองรับโฆษณาของ Netflix มอบอัตรากำไรจากรายได้ที่สูงกว่าคู่แข่ง ขณะที่บัญชีที่ไม่มีโฆษณายังคงมีอัตราการรักษาผู้ใช้ที่สูงที่สุดในอุตสาหกรรม 

นอกจากนี้ ผลการวิจัยจาก Advertising Research Foundation (ARF) แสดงให้เห็นว่า มากกว่า 80% ของครัวเรือนที่สมัครบริการเช่น Amazon Prime หรือ Disney+ ยังดู Netflix ด้วย การมีตำแหน่งที่โดดเด่นนี้ทำให้ Netflix สามารถนำเสนอโอกาสในการเข้าถึงผู้ชมที่ไม่มีใครเทียบได้ และลดการซ้ำซ้อนของโฆษณาได้ 

ประสิทธิภาพของหุ้น Netflix (NASDAQ: NFLX) 

ตั้งแต่ต้นปี 2567 หุ้นของ Netflix ได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 80% และทำสถิติสูงสุดที่ 841 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นใจของนักลงทุนในศักยภาพการเติบโตของบริษัทและความสามารถในการรักษาความได้เปรียบในตลาดที่มีการแข่งขันสูง 

ตัวชี้วัดทางเทคนิค เช่น RSI, MACD และค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ในปัจจุบันแสดงสัญญาณ “ซื้อ” ซึ่งยิ่งทำให้มุมมองเชิงบวกต่อ Netflix ชัดเจนยิ่งขึ้น 

ความล้ำหน้าของผู้นำตลาด 

ด้วยรายได้ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง การขยายจำนวนสมาชิกที่รองรับโฆษณา และการเสี่ยงเชิงกลยุทธ์ Netflix ยังคงรักษาตำแหน่งของตนให้เป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งชั้นนำได้ต่อไป อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัญหาท้าทายอยู่: 

  • การแข่งขันที่เพิ่มขึ้น: คู่แข่งอย่าง Disney+ และ Amazon Prime กำลังลงทุนอย่างมากในการรังสรรค์คอนเทนต์ เพื่อนำเสนอเรื่องราวสุดพิเศษ 
  • กลยุทธ์ด้านเนื้อหา: การรักษากระบวนการผลิตเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญ 
  • โครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิค: การให้บริการที่ราบรื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับอีเวนต์ถ่ายทอดสด เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อชื่อเสียง 

นักลงทุนควรติดตามผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ของ Netflix และแนวโน้มในอุตสาหกรรมอย่างใกล้ชิดเพื่อการตัดสินใจที่มีข้อมูลครบถ้วน ติดตามข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Netflix และอุตสาหกรรมสตรีมมิ่งได้ในส่วนการวิเคราะห์ตลาดของ Doo Prime

การเคลื่อนไหวของตลาดIconBrandElement

article-thumbnail

2024-11-28 | การเคลื่อนไหวของตลาด

แบล็กฟรายเดย์ vs. ไซเบอร์มันเดย์ : วันไหนส่งผลต่อตลาดมากกว่ากัน? 

แบล็กฟรายเดย์ vs. ไซเบอร์มันเดย์ : วันไหนส่งผลต่อตลาดมากกว่ากัน? ทุกปี นักช้อปต่างรอคอยแบล็กฟรายเดย์และไซเบอร์มันเดย์อย่างใจจดใจจ่อ เพื่อคว้าข้อเสนอสุดพิเศษ ในขณะที่นักลงทุนก็มองเหตุการณ์เหล่านี้อย่างใกล้ชิดเช่นกัน แต่ด้วยมุมมองที่ต่างออกไป เพราะสองมหกรรมลดราคานี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเติมสินค้าลงตะกร้าเท่านั้น แต่ยังให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคและแนวโน้มของตลาดอีกด้วย แต่คำถามสำคัญคือ: ระหว่างแบล็กฟรายเดย์และไซเบอร์มันเดย์ วันไหนส่งผลต่อตลาดหุ้นมากกว่ากัน?  ในบทความนี้ เราจะวิเคราะห์ว่าสองวันนี้เปรียบเทียบกันอย่างไร ทำไมนักลงทุนถึงให้ความสำคัญ และหุ้นตัวไหนที่ควรอยู่ในลิสต์ที่คุณต้องจับตามอง  ศึกประชัน แบล็กฟรายเดย์ ปะทะ ไซเบอร์มันเดย์  จากข้อมูลของสหพันธ์การค้าปลีกแห่งชาติ (NRF) ในปี 2566 มีผู้บริโภคถึง 200.4 ล้านคนที่ออกมาช้อปปิ้งในช่วงวันหยุด 5 วัน ตั้งแต่วันขอบคุณพระเจ้าจนถึงไซเบอร์มันเดย์ ซึ่งทำลายสถิติปี 2565 ที่มีจำนวน 196.7 ล้านคน  แบล็กฟรายเดย์ ถือเป็นการเปิดฤดูกาลช้อปปิ้งช่วงวันหยุด ที่มักเกี่ยวข้องกับการลดราคาที่หน้าร้าน แม้ว่าการช้อปปิ้งออนไลน์จะเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน โดยทั่วไป แบล็กฟรายเดย์ถูกใช้เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของร้านค้าปลีกแบบออฟไลน์ เช่น Walmart (NYSE: WMT) และ Target (NYSE: TGT) ที่แข่งขันกันด้วยโปรโมชั่นดึงดูดลูกค้า  ไซเบอร์มันเดย์ เป็นคู่แข่งในฝั่งออนไลน์ มุ่งเน้นการช้อปปิ้งผ่านอีคอมเมิร์ซ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย […]

article-thumbnail

2024-11-22 | การเคลื่อนไหวของตลาด

การกลับมาครั้งยิ่งใหญ่ของ Netflix ปี 2567

แม้ว่าฟองสบู่ของอุตสาหกรรมสตรีมมิ่งจะค่อยๆ หดตัวลง แต่ Netflix ยังคงยืนหยัดในฐานะผู้นำตลาดด้วยรายงานรายได้ที่น่าประทับใจในไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกลับมาครั้งยิ่งใหญ่ของ Netflix การแข่งขันที่ผู้คนรอคอยระหว่าง ไมค์ ไทสัน และ เจค พอล ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลก ด้วยจำนวนผู้ชมถ่ายทอดสดที่น่าทึ่งถึง 65 ล้านคน เหตุการณ์นี้ยังถือเป็นการก้าวเข้าสู่การถ่ายทอดสดกีฬาครั้งสำคัญของ Netflix ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่กล้าหาญในตลาดที่มีการแข่งขันสูงแต่เต็มไปด้วยโอกาส อย่างไรก็ตาม คำถามคือ กลยุทธ์นี้จะเพียงพอหรือไม่ที่จะช่วยให้ Netflix ปิดท้ายปี 2567 ได้อย่างแข็งแกร่ง?  ในบทความนี้ เราจะพาไปเจาะลึกถึงปัจจัยที่ผลักดันให้ Netflix ประสบความสำเร็จในปัจจุบัน และสำรวจแนวโน้มการเติบโตของบริษัทในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี  ไมค์ ไทสัน vs เจค พอล: กลยุทธ์อันกล้าหาญของ Netflix  ในปี 2567 Netflix ได้ทำการเคลื่อนไหวสำคัญด้วยการสตรีมการแข่งขันที่ได้รับความสนใจอย่างมากระหว่างไมค์ ไทสัน และ เจค พอล นี่ไม่ใช่เพียงแค่อีเวนต์กีฬาทั่วไป แต่เป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานของ Netflix […]

article-thumbnail

2024-11-15 | การเคลื่อนไหวของตลาด

สิ่งที่นักลงทุนควรรู้เกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งสมัยที่สองของทรัมป์ 

โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง โดยได้คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง 312 เสียง ขณะที่กมลา แฮร์ริสได้ 226 เสียง ในการดำรงตำแหน่งสมัยใหม่นี้ นโยบายของทรัมป์คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลกในหลากหลายด้าน นักลงทุนควรติดตามท่าทีของเขาเกี่ยวกับภาษีศุลกากร การปฏิรูประบบภาษี ความสัมพันธ์กับจีน และทัศนคติเชิงบวกต่อสกุลเงินคริปโต บทความนี้จะกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่อาจเกิดขึ้นและนโยบายหลักที่อาจส่งผลต่อนักลงทุนในปีต่อๆ ไป  1. นโยบายภาษีศุลกากรและการค้า: ราคาสินค้าที่สูงขึ้นและการเติบโตของการจ้างงานที่ช้าลง  หนึ่งในนโยบายหลักของทรัมป์คือการใช้ภาษีศุลกากรเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศและลดความไม่สมดุลทางการค้า โดยเฉพาะกับจีน นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ระบุว่า หากนโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์ถูกนำมาใช้เต็มรูปแบบ สหรัฐฯ อาจเผชิญกับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออัตราเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจ แผนภาษีศุลกากรของทรัมป์ประกอบด้วยการเก็บภาษี 10% สำหรับการนำเข้าจากทั่วโลก และเพิ่มขึ้นถึง 60% สำหรับการนำเข้าจากจีน มาตรการเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อประมาณครึ่งหนึ่งของอุตสาหกรรมในสหรัฐฯ ทำให้ต้นทุนสำหรับธุรกิจและผู้บริโภคเพิ่มขึ้น  นักเศรษฐศาสตร์จากมอร์แกน สแตนลีย์ประเมินว่าผลกระทบจากภาษีศุลกากรเหล่านี้อาจมีความสำคัญอย่างมาก:  2. นโยบายภาษี: ขยายการลดภาษีและข้อเสนอใหม่  ทรัมป์ได้เสนอการลดภาษีหลายรายการ ซึ่งบางส่วนเป็นข้อเสนอใหญ่ที่ต้องผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียคาดว่าแผนภาษีและงบประมาณของทรัมป์อาจทำให้การขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางเพิ่มขึ้นถึง 4.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในระยะยาว  ประเด็นสำคัญในวาระนโยบายภาษีของทรัมป์ประกอบด้วย:  สำหรับนักลงทุน ข้อเสนอด้านภาษีของทรัมป์อาจหมายถึงผลกำไรของบริษัทที่สูงขึ้นและการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่อาจเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลกระทบในระยะยาวต่อการขาดดุลของรัฐบาลกลางอาจนำไปสู่อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมทั่วทั้งระบบเศรษฐกิจ  3. […]