Trick or Trade: 3 หุ้นค้าปลีกที่น่าจับตามองในวันฮาโลวีนนี้! 

2024-10-31

Trick or Trade วันฮาโลวีนไม่ใช่แค่การสวมชุดแฟนซี รับลูกกวาด และการตกแต่งที่น่าขนลุกเพียงเท่านั้น แต่มันยังเป็นโอกาสทองสำหรับนักลงทุนและเทรดเดอร์ในการกอบโกยผลประโยชน์จากการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในตลาดค้าปลีก 

เมื่อวันฮาโลวีนใกล้เข้ามา บริษัทบางแห่งมีความสามารถในการดึงดูดผู้บริโภคในการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งสร้างโอกาสที่น่าตื่นเต้นสำหรับนักลงทุนในภาคค้าปลีก 

บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึก 3 หุ้นค้าปลีกที่น่าจับตามอง และจะได้รับประโยชน์จากการใช้จ่ายในช่วงฮาโลวีน พร้อมสำรวจโอกาสในการซื้อขายที่น่าสนใจสำหรับแต่ละตัว 

การคาดการณ์การใช้จ่ายในวันฮาโลวีน 2567 

ตามข้อมูลจากสหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติ (National Retail Federation) การใช้จ่ายในวันฮาโลวีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องปีแล้วปีเล่า ปีนี้ผู้บริโภคในสหรัฐฯ คาดว่าจะใช้จ่ายอย่างมหาศาลอีกครั้ง โดยมีการคาดการณ์เกินกว่า 11,000 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากผู้คนลงทุนในชุดแฟนซี ลูกกวาด การตกแต่ง และอุปกรณ์จัดงานปาร์ตี้ ผู้ค้าปลีกที่เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ตามฤดูกาล สินค้าจัดงานปาร์ตี้ และของตกแต่งในราคาย่อมเยาว์จะได้รับประโยชน์สูงสุด โดยปีนี้มีความสนใจในประสบการณ์วันฮาโลวีนมากยิ่งขึ้น 

ดังนั้น มาดูสามหุ้นค้าปลีกที่มีแนวโน้มที่จะทำผลงานได้ดีในช่วงวันฮาโลวีนนี้กันเถอะ 

หุ้นค้าปลีก 3 ตัวที่น่าจับตามองในวันฮัลโลวีนนี้ 

1. Amazon, Inc. (NASDAQ: AMZN) 

ทำไมเทรดเดอร์ควรจับตามอง 

Amazon กลายเป็นแหล่งที่ผู้บริโภคเลือกใช้สำหรับความต้องการในวันฮาโลวีน เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์หลากหลายและการจัดส่งที่รวดเร็ว ตั้งแต่ชุดแฟนซีไปจนถึงการสั่งซื้อขนมหวานจำนวนมาก โปรแกรม Prime ของ Amazon และตัวเลือกการจัดส่งที่รวดเร็วตอบสนองความต้องการในช่วงปลายฤดูกาล ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับวันฮาโลวีน ข้อเสนอพิเศษในวันฮาโลวีน รายการผลิตภัณฑ์ที่คัดสรร และแคมเปญที่ขับเคลื่อนโดยผู้มีอิทธิพลได้เพิ่มความสนใจของผู้บริโภค ทำให้ Amazon ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับนักช้อปในช่วงเทศกาล 

ศักยภาพการเติบโต 

อิทธิพลของ Amazon ในตลาดค้าปลีกทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการลงทุนในฤดูกาลและการเติบโตในระยะยาว และนี่คือโอกาสในการลงทุน: ผลประกอบการไตรมาส 3 ของ Amazon จะถูกประกาศในวันฮาโลวีน วันที่ 31 ตุลาคม! การกำหนดเวลานี้จะให้ข้อมูลเบื้องต้นแก่ผู้ลงทุนเกี่ยวกับวิธีที่บริษัทจัดการกับความต้องการในฤดูกาลและต้นทุนการจัดส่งและการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น 

โอกาสในการซื้อขาย 

จากมุมมองทางเทคนิค ราคาของ AMZN ขณะนี้อยู่เหนือระดับแนวรับที่ 180 ดอลลาร์ ด้วยผลประกอบการที่แข็งแกร่งและการใช้จ่ายในวันฮาโลวีนที่เพิ่มขึ้น หุ้นอาจทดสอบระดับ 200 ดอลลาร์อีกครั้งและอาจทำลายระดับสูงสุดตลอดกาลใหม่ได้ 

2. Costco Wholesale Corporation (NASDAQ: COST) 

ทำไมเทรดเดอร์ควรจับตามอง 

ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของ Costco ในช่วงวันฮัลโลวีนทำให้บริษัทมีตำแหน่งที่ดีในการดึงดูดการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับวันฮาโลวีน ด้วยความร่วมมือที่สร้างสรรค์และมีชื่อเสียง รวมถึงผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ผลิตภายในบริษัท Costco ได้สร้างฐานลูกค้าที่มีความภักดี ซึ่งมักเลือกใช้บริการสำหรับความต้องการในฤดูกาลต่างๆ รูปแบบการเป็นสมาชิกและราคาขายส่งของร้านมีส่วนช่วยเพิ่มความสะดวกและมูลค่า กระตุ้นให้เกิดการซื้อในปริมาณมาก ซึ่งเป็นที่นิยมโดยเฉพาะในช่วงวันฮาโลวีน 

ศักยภาพการเติบโต 

Costco ได้สร้างชื่อเสียงให้เป็นตัวเลือกที่เชื่อถือได้ในช่วงเทศกาลสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ บริษัทได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 3 ที่แข็งแกร่ง โดยมีการเติบโตของรายได้ที่น่าพอใจและการต่ออายุสมาชิกที่สม่ำเสมอ ซึ่งยืนยันตำแหน่งของบริษัทในฐานะผู้นำตลาดค้าปลีก ขณะที่วันฮาโลวีนใกล้เข้ามา ข้อเสนอของ Costco ที่ถูกกำหนดเวลาอย่างเหมาะสม ตั้งแต่ขนมหวานแบบขายส่งไปจนถึงการตกแต่งตามฤดูกาล จะช่วยเสริมศักยภาพในการได้รับประโยชน์จากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ด้วยผลประกอบการที่แข็งแกร่งในช่วงเทศกาล Costco จึงเป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนในช่วงเทศกาลวันหยุด 

โอกาสในการซื้อขาย 

จากมุมมองทางเทคนิค ราคาหุ้น COST ขณะนี้อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง โดยมีความคาดหวังว่าจะยังคงมีแนวโน้มเช่นนี้ต่อไป ด้วยการใช้จ่ายในวันฮัลโลวีนที่เพิ่มขึ้นและฤดูกาลวันหยุดที่มีแนวโน้มดี หุ้นอาจสามารถทำลายระดับ 1,000 ดอลลาร์ได้ภายในสิ้นปี 2567 

3. Walmart Inc. (NYSE: WMT) 

ทำไมเทรดเดอร์ควรจับตามอง 

Walmart โดดเด่นในช่วงวันฮาโลวีนเพราะมีสินค้าในราคาที่เข้าถึงได้ ด้วยเงินเฟ้อที่ทำให้การใช้จ่ายในสิ่งไม่จำเป็นลดลง ตัวเลือกวันฮัฮาโลวีนราคาต่ำของ Walmart ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับครอบครัวที่มีงบประมาณจำกัด ร้านค้าของพวกเขามีสินค้าครบตั้งแต่ชุดแฟนซี ขนมหวานแบบขายส่ง ไปจนถึงของตกแต่ง DIY ที่ตอบสนองความต้องการในวันฮาโลวีนโดยไม่ทำให้กระเป๋าเบา นอกจากนี้ Walmart ยังได้ขยายตลาดออนไลน์เพื่อแข่งขันในอีคอมเมิร์ซอีกด้วย 

ศักยภาพการเติบโต 

สินค้าที่มีราคาย่อมเยาของ Walmart อาจมีความต้องการเพิ่มขึ้นในวันฮาโลวีน ส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้นและหุ้นอาจมีการเคลื่อนไหวในเดือนตุลาคม รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 จะมีขึ้นในวันที่ 19 พฤศจิกายน ซึ่งอาจช่วยผลักดันราคาหุ้นสูงขึ้นหากผลลัพธ์ดี ตามยอดขายในช่วงเทศกาล Walmart จึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าสำหรับนักลงทุนที่ไม่ต้องการความเสี่ยงเมื่อเปรียบเทียบกับหุ้นค้าปลีกที่มีความผันผวนมากกว่า 

โอกาสในการซื้อขาย 

จากมุมมองทางเทคนิค ราคาหุ้นของ Walmart มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถผ่านระดับแนวต้านได้อย่างมั่นคง แตกต่างจาก Amazon ที่รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 จะออกมาในวันที่ 19 พฤศจิกายน ดังนั้นจึงมีโอกาสน้อยที่เราจะเห็นราคาพุ่งสูงขึ้นทันที Walmart อาจทำให้ราคาค่อย ๆ ขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดใหม่ในอนาคต 

แนวโน้มฮาโลวีนสำหรับหุ้นค้าปลีก 

วันฮาโลวีนไม่ใช่แค่วันหยุดสนุกสนาน แต่ยังเป็นเหตุการณ์สำคัญในวงการค้าปลีกที่ช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคเมื่อเข้าสู่ฤดูกาลวันหยุด บริษัททั้งสามที่กล่าวถึง ได้แก่ Amazon, Costco และ Walmart นั้น มีข้อดีเฉพาะตัวที่ทำให้พวกเขาพร้อมรับความต้องการในช่วงวันฮาโลวีน ไม่ว่าคุณจะมองหาการเติบโตแบบชั่วคราว (Amazon), การเติบโตที่มั่นคงในช่วงเทศกาล (Costco), หรือผลตอบแทนที่สม่ำเสมอพร้อมกับข้อได้เปรียบในช่วงเทศกาล (Walmart) หุ้นเหล่านี้มีสิ่งดีๆ ที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน 

อย่าลืมติดตามแนวโน้มการใช้จ่ายของผู้บริโภค เพราะมันจะช่วยให้เราเห็นภาพรวมว่าตลาดค้าปลีกจะเป็นอย่างไรเมื่อเราเข้าใกล้วันขอบคุณพระเจ้าและวันคริสต์มาส หากการใช้จ่ายในวันฮาโลวีนสูงตามที่คาดไว้ นั่นอาจบอกเป็นนัยว่าไตรมาส 4 จะดีขึ้นสำหรับตลาดค้าปลีกทั้งหมด ซึ่งจะทำให้หุ้นเหล่านี้มีโอกาสเติบโตในช่วงวันหยุด 

ขอให้การลงทุนของคุณประสบความสำเร็จ และสุขสันต์ #วันฮาโลวีน! 


การเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง          

การซื้อขายเครื่องมือทางการเงินมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงิน เนื่องจากความเคลื่อนไหวทางการตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดการณ์ไม่ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่นักลงทุนในระยะเวลาที่รวดเร็วได้ ผลการลงทุนในอดีตไม่สามารถชี้วัดความสำเร็จหรือผลกำไรในการลงทุนได้ การลงทุนด้านนี้เกี่ยวข้องกับมาร์จินและเลเวอเรจ ซึ่งการลงทุนจำนวนเล็กน้อยอาจส่งผลประทบมากได้ ดังนั้น นักลงทุนควรเตรียมรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อขาย          

โปรดอ่านและทำความเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายเครื่องมือทางการเงินอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะทำธุรกรรมกับ Doo Prime หากมีข้อสงสัยในการลงทุน ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ข้อมูลข้อตกลงการทำธุรกรรมและการเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง      

ข้อความปฏิเสธการรับผิดชอบตามกฎหมาย          

ข้อมูลนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปแก่สาธารณะเท่านั้น ข้อมูลไม่ควรถูกตีความเป็นคำปรึกษาทางด้านการลงทุน คำแนะนำ ข้อเสนอ หรือคำเชิญชวนเพื่อซื้อหรือขายเครื่องมือทางการเงินใด ๆ ข้อมูลที่นำเสนอในบทความนี้จัดทำขึ้นโดยโดยไม่มีการอ้างอิงหรือพิจารณาถึงจุดประสงค์การลงทุนหรือสถานะทางการเงินของผู้ใดผู้หนึ่งแต่อย่างใด การอ้างอิงถึงประสิทธิภาพของเครื่องมือทางการเงินในอดีต เครื่องมือทางการดัชนี หรือผลิตภัณฑ์การลงทุนไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลลัพธ์ในอนาคต Doo Prime ไม่รับรองและรับประกันข้อมูล และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียหรือความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อมอันเป็นผลมาจากความไม่ถูกต้องหรือความไม่สมบูรณ์ของข้อมูล Doo Prime ไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายที่เป็นผลมาจากความเสี่ยงการซื้อขาย กำไร หรือขาดทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนส่วนบุคคล 

แชร์ไปที่


การเคลื่อนไหวของตลาดIconBrandElement

article-thumbnail

2024-11-28 | การเคลื่อนไหวของตลาด

แบล็กฟรายเดย์ vs. ไซเบอร์มันเดย์ : วันไหนส่งผลต่อตลาดมากกว่ากัน? 

แบล็กฟรายเดย์ vs. ไซเบอร์มันเดย์ : วันไหนส่งผลต่อตลาดมากกว่ากัน? ทุกปี นักช้อปต่างรอคอยแบล็กฟรายเดย์และไซเบอร์มันเดย์อย่างใจจดใจจ่อ เพื่อคว้าข้อเสนอสุดพิเศษ ในขณะที่นักลงทุนก็มองเหตุการณ์เหล่านี้อย่างใกล้ชิดเช่นกัน แต่ด้วยมุมมองที่ต่างออกไป เพราะสองมหกรรมลดราคานี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเติมสินค้าลงตะกร้าเท่านั้น แต่ยังให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคและแนวโน้มของตลาดอีกด้วย แต่คำถามสำคัญคือ: ระหว่างแบล็กฟรายเดย์และไซเบอร์มันเดย์ วันไหนส่งผลต่อตลาดหุ้นมากกว่ากัน?  ในบทความนี้ เราจะวิเคราะห์ว่าสองวันนี้เปรียบเทียบกันอย่างไร ทำไมนักลงทุนถึงให้ความสำคัญ และหุ้นตัวไหนที่ควรอยู่ในลิสต์ที่คุณต้องจับตามอง  ศึกประชัน แบล็กฟรายเดย์ ปะทะ ไซเบอร์มันเดย์  จากข้อมูลของสหพันธ์การค้าปลีกแห่งชาติ (NRF) ในปี 2566 มีผู้บริโภคถึง 200.4 ล้านคนที่ออกมาช้อปปิ้งในช่วงวันหยุด 5 วัน ตั้งแต่วันขอบคุณพระเจ้าจนถึงไซเบอร์มันเดย์ ซึ่งทำลายสถิติปี 2565 ที่มีจำนวน 196.7 ล้านคน  แบล็กฟรายเดย์ ถือเป็นการเปิดฤดูกาลช้อปปิ้งช่วงวันหยุด ที่มักเกี่ยวข้องกับการลดราคาที่หน้าร้าน แม้ว่าการช้อปปิ้งออนไลน์จะเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน โดยทั่วไป แบล็กฟรายเดย์ถูกใช้เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของร้านค้าปลีกแบบออฟไลน์ เช่น Walmart (NYSE: WMT) และ Target (NYSE: TGT) ที่แข่งขันกันด้วยโปรโมชั่นดึงดูดลูกค้า  ไซเบอร์มันเดย์ เป็นคู่แข่งในฝั่งออนไลน์ มุ่งเน้นการช้อปปิ้งผ่านอีคอมเมิร์ซ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย […]

article-thumbnail

2024-11-22 | การเคลื่อนไหวของตลาด

การกลับมาครั้งยิ่งใหญ่ของ Netflix ปี 2567

แม้ว่าฟองสบู่ของอุตสาหกรรมสตรีมมิ่งจะค่อยๆ หดตัวลง แต่ Netflix ยังคงยืนหยัดในฐานะผู้นำตลาดด้วยรายงานรายได้ที่น่าประทับใจในไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกลับมาครั้งยิ่งใหญ่ของ Netflix การแข่งขันที่ผู้คนรอคอยระหว่าง ไมค์ ไทสัน และ เจค พอล ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลก ด้วยจำนวนผู้ชมถ่ายทอดสดที่น่าทึ่งถึง 65 ล้านคน เหตุการณ์นี้ยังถือเป็นการก้าวเข้าสู่การถ่ายทอดสดกีฬาครั้งสำคัญของ Netflix ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่กล้าหาญในตลาดที่มีการแข่งขันสูงแต่เต็มไปด้วยโอกาส อย่างไรก็ตาม คำถามคือ กลยุทธ์นี้จะเพียงพอหรือไม่ที่จะช่วยให้ Netflix ปิดท้ายปี 2567 ได้อย่างแข็งแกร่ง?  ในบทความนี้ เราจะพาไปเจาะลึกถึงปัจจัยที่ผลักดันให้ Netflix ประสบความสำเร็จในปัจจุบัน และสำรวจแนวโน้มการเติบโตของบริษัทในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี  ไมค์ ไทสัน vs เจค พอล: กลยุทธ์อันกล้าหาญของ Netflix  ในปี 2567 Netflix ได้ทำการเคลื่อนไหวสำคัญด้วยการสตรีมการแข่งขันที่ได้รับความสนใจอย่างมากระหว่างไมค์ ไทสัน และ เจค พอล นี่ไม่ใช่เพียงแค่อีเวนต์กีฬาทั่วไป แต่เป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานของ Netflix […]

article-thumbnail

2024-11-15 | การเคลื่อนไหวของตลาด

สิ่งที่นักลงทุนควรรู้เกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งสมัยที่สองของทรัมป์ 

โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง โดยได้คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง 312 เสียง ขณะที่กมลา แฮร์ริสได้ 226 เสียง ในการดำรงตำแหน่งสมัยใหม่นี้ นโยบายของทรัมป์คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลกในหลากหลายด้าน นักลงทุนควรติดตามท่าทีของเขาเกี่ยวกับภาษีศุลกากร การปฏิรูประบบภาษี ความสัมพันธ์กับจีน และทัศนคติเชิงบวกต่อสกุลเงินคริปโต บทความนี้จะกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่อาจเกิดขึ้นและนโยบายหลักที่อาจส่งผลต่อนักลงทุนในปีต่อๆ ไป  1. นโยบายภาษีศุลกากรและการค้า: ราคาสินค้าที่สูงขึ้นและการเติบโตของการจ้างงานที่ช้าลง  หนึ่งในนโยบายหลักของทรัมป์คือการใช้ภาษีศุลกากรเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศและลดความไม่สมดุลทางการค้า โดยเฉพาะกับจีน นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ระบุว่า หากนโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์ถูกนำมาใช้เต็มรูปแบบ สหรัฐฯ อาจเผชิญกับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออัตราเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจ แผนภาษีศุลกากรของทรัมป์ประกอบด้วยการเก็บภาษี 10% สำหรับการนำเข้าจากทั่วโลก และเพิ่มขึ้นถึง 60% สำหรับการนำเข้าจากจีน มาตรการเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อประมาณครึ่งหนึ่งของอุตสาหกรรมในสหรัฐฯ ทำให้ต้นทุนสำหรับธุรกิจและผู้บริโภคเพิ่มขึ้น  นักเศรษฐศาสตร์จากมอร์แกน สแตนลีย์ประเมินว่าผลกระทบจากภาษีศุลกากรเหล่านี้อาจมีความสำคัญอย่างมาก:  2. นโยบายภาษี: ขยายการลดภาษีและข้อเสนอใหม่  ทรัมป์ได้เสนอการลดภาษีหลายรายการ ซึ่งบางส่วนเป็นข้อเสนอใหญ่ที่ต้องผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียคาดว่าแผนภาษีและงบประมาณของทรัมป์อาจทำให้การขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางเพิ่มขึ้นถึง 4.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในระยะยาว  ประเด็นสำคัญในวาระนโยบายภาษีของทรัมป์ประกอบด้วย:  สำหรับนักลงทุน ข้อเสนอด้านภาษีของทรัมป์อาจหมายถึงผลกำไรของบริษัทที่สูงขึ้นและการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่อาจเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลกระทบในระยะยาวต่อการขาดดุลของรัฐบาลกลางอาจนำไปสู่อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมทั่วทั้งระบบเศรษฐกิจ  3. […]